สรุปการใช้ Pronoun คืออะไร มีกี่ประเภท

เรียนภาษาอังกฤษ เรื่อง Pronoun
เป็นคำที่ใช้แทนคำนาม หรือเสมอนาม มีเพื่อหลีกเหลี่ยงการพูดแบบซ้ำซาก หรือแทนสิ่งที่รู้กันอยู่แล้วระหว่างผู้พูดและผู้ฟัง

ประเภทของ Pronoun

Demonstrative
ใช้เพื่อบ่งชี้ว่าเป็นสิ่งไหน อันไหน คนไหน ได้แก่
this, that, these, those, one, ones
เช่น Did you do that?

Relative Pronoun << คลิกอ่านแบบละเอียด
ใช้แทนคำนามคำนามที่อยู่ข้างหน้า และเชื่อมประโยคหน้า-หลังเข้าด้วยกัน ได้แก่ who,whom, whoes, which, that, where, when, why
เช่น She is the girl who helped me.

Indefinite
ใช้แทนคำนามทั่วไป ไม่เจาะจง ได้แก่ some, any, none, all, someone, something, somebody, anybody, anyone, few, everyone, everything, many, nobody,others
เช่น I hope some one will help me.

Interrogative
ใช้แทนคำนามสำหรับคำถาม และต้องไม่มีคำนามตามหลัง
ได้แก่ who, whom, whose, what, which, whoever, whomever, whatever, whichever
เช่น Who likes candy?

Possessive
ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ ได้แก่ mine, ours, yours, his, hers, its, theirs
เช่น This pen is yours.

Reflexive
สะท้อนกลับไปยังคำนามหรือสรรพนามที่เป็นประธานของประโยค ได้แก่ myself, itself, himself, herself, yourself, yourselves, themseleves, ourselves
เช่น You should do it yourself.

Persanal
ใช้แทนคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ ได้แก่ I, you, we, they, he, she, it
เช่น You are beautiful.

Distributive Pronoun << คลิกอ่านแบบละเอียด
ใช้แทนคำนามเพื่อแบ่งแยก จำแนก แยกแยะ ต้องไม่มีคำนามตามหลัง ได้แก่ one, each, either, neither

การใช้ Personal Pronoun
เรียงจาก subject (ประธาน) > object (กรรม) > possessive adjective (คุณศัพท์เจ้าของ) > possessive pronoun (สรรพนามเจ้าของ) > reflexive (สะท้อนเพื่อเน้น)

I > me > my > mine > myself
you (เอกพจน์) > you > your > yours > yourself
he > him > his > his > himself
she > her > her > hers > herself
it > it > its > its > itself
we > us > our > ours > ourselves
you (พหูพจน์) > you > your > yours > yourselves
they > them > their > theirs > themselves

ตัวอย่างการใช้ Personal Pronoun

Jame called May all day, but she never answered the phone.
ใช้ she ในประโยคแทนคำนาม และ May เป็นผู้หญิงจึงต้องใช้ she ในรูปประธาน (subject) เพื่อทำหน้าที่เป็นประทานในการกล่าวซ้ำ ให้กับกริยา answered

Although Mrs.Day had a lot of money, she made poor use of it.
ใชั it ในประโยคเพื่อแทน money ซึ่งเป็นสิ่งของ และต้องใช้สรรพนาม it ในรูปกรรม(object) เพราะทำหน้าที่เป็นกรรมของบุพบท (Preposition) of

The students hoped their team would win.
ใช้ their ในประโยคนี้ นอกจากทำหน้าที่แสดงความเป็นเจ้าของของคำนาม team แล้ว ยังทำหน้าที่แทนคำนาม students ด้วย โดย Possessive Adjective จะมีโครงสร้างการใช้คือ Possessive Adjective + Noun คือจะต้องวาง Possessive Adjective ไว้หน้าคำนาม เพราะตัวมันเองทำหน้าที่เป็น Adjective ชนิดหนึ่ง และตามหลังมันต้องเป็น Noun เสมอ
เช่น That is her book. (Possessive Adjective + Noun)
That book is hers. (Possessive Pronoun)

ในประโยคแรก her ทำหน้าที่เป็น Possessive Adjective เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของคำนาม book ส่วนในประโยคที่สอง hers เป็น Possessive Pronoun หมายถึง สรรพนามที่บ่งแสดงการเป็นเจ้าของ เวลาใช้จะมีการเอ่ยถึง Noun มาก่อน(ในประโยคนี้คือ book)
และที่สำคัญ Possessive Pronoun สามารถใช้แทนที่ได้ทั้ง Possessive Adjective และ Noun มาก่อน (ในประโยคนี้คือ book) และที่สำคัญ Possessive Pronoun สามารถใช้แทนที่ได้ทั้ง Possessive Adjective และ Noun ที่มันขยาย ฉะนั้นเมื่อใช้ Possessive Pronoun จึงไม่ต้องมีคำนามตามหลังอีก

เมื่อเจอ Pronoun ให้เช็กดูว่า Pronoun ตัวนั้นสัมพันธ์กับ Noun ที่มันถูกนำมาใช้แทนที่หรือไม่

Indefinite Pronoun
เป็นอนิยมสรรพนาม หรือ คำสรรพนามที่ไม่ชี้เจาะจงลงไปว่าเป็นใคร อะไรหรือสิ่งไหน สามารถใช้แทนคำนามทั่วๆไป บางคำใช้อย่างเอกพจน์ บางคำใช้อย่างพหูพจน์ ดังนี้

เป็นเอกพจน์เสมอ ใช้คู่กับกริยาเอกพจน์เสมอ ได้แก่ each, every, one, either, niether, another, everyone, everybody, everything, anyone, anybody, anything, no one, nobody, nothing, someone, somebody, something

เป็นพหูพจน์เสมอ ใช้คู่กับกริยาพหูพจน์เสมอ ได้แก่ both, many, others, several, few, fewer

เป็นได้ทั้งเอกพจน์และพหูพจน์ โดยต้องดูว่าตัวมันไปทำหน้าที่แทนคำนามเอกพจน์หรือพหูพจน์ ได้แก่ none, some, more, most, any, all

ตัวอย่างเช่น Each sees the value of the course.(เอกพจน์)
Everybody has gone to the movies.(เอกพจน์)
Nothing seems right around this house anymore!(เอกพจน์)
Another is on the way.(เอกพจน์)
Some of the debt has been paid off.(เอกพจน์)
ในประโยคนี้ทำหน้าที่แทนคำนาม dept ซึ่งเป็นเอกพจน์ ดังนั้นจึงต้องใช้กริยารูปเอกพจน์คือ has
Some of the debts are still outstanding.(พหูพจน์)
ในประโยคนี้ทำหน้าที่แทนคำนาม debts ซี่งเป็นพหูพจน์ ดังนั้นจึงต้องใช้กริยารูปพหูพจน์คือ are

การเลือกใช้สรรพนามให้สัมพันธ์ให้สัมพันธ์กับประธานหรือคำนามที่อยู่ข้างหน้า(Antecedent)

1.ถ้าประธานหรือคำนามที่อยู่ข้างหน้า (Antecedent) มีมากกว่าหนึ่ง และ Antecedent เหล่านั้นเป็นเอกพจน์ เชื่อมด้วย or หรือ nor ให้ใช้สรรพนามตามประธานตัวหลัง เช่น Either John or May left her brieftcase in the conference room. แต่ถ้าเชื่อมด้วย and จะต้องใช้สรรพนามในรูปพหูพจน์ เช่น Martha and Henry enjoyed their vacation.

2. Indefinite Pronoun เช่น everyone, everybody, no one, nobody, anyone, anybody, someone, somebody, each, either และ neither ตามหลักไวยากรณ์สมัยก่อนจะใช้สรรพนามเอกพจน์เพศชาย เช่น Everyone in the office expressed his opinion.
แต่ปัจจุบันมีการหันมาใช้ they หรือ he she แทน เพื่อไม่ให้เกิดการแบ่งแยกทางเพศ(แต่ที่นิยมใช้กันคือ he or she) เช่น Everyone discovers that he or she cannot always be calm and patient. หรือ Everyone discovers that they cannot always be calm and patient.

3.one ที่แปลว่า”หนึ่ง”ยังมีความหมายว่า”คนเรา”ได้ด้วย และสรรพนามของ one ในความหมายนี้คือ one และสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของของ one คือ one’s ไม่ใช่ his หรือ her เช่น One must do one’s duty.
One ought to be responsible for what one says.

ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ
tense
คำคมภาษาอังกฤษ

แชร์ไว้อ่าน