สรุปการใช้ Adjective (คำคุณศัพท์) มีกี่ประเภท อะไรบ้าง ตัวอย่าง
Adjective เป็นคำที่ไปทำหน้าที่ขยาย Noun หรือ Pronoun (ขยายสรรพนามต้องอยู่หลังตลอดไป) เพื่อบอกให้รู้ลักษณะ คุณภาพหรือสมบัติของ Noun หรือ Pronoun นั้นว่าเป็นอย่างไร เช่น tall, short, small, big, beautiful, elegant, careful, intensive, possible เป็นต้น
ประเภทของ Adjective
Adjective คือ คำคุณศัพท์ เป็นคำที่ทำหน้าที่ขยายคำนาม หรือ คำสรรพนาม เพื่อบอกให้ทราบรายละเอียดลักษณะ ชนิด คุณภาพ จำนวน ปริมาณ ไปจนถึงคุณสมบัติของคำนามหรือคำสรรพนามนั้นๆ เป็นการบอกข้อมูลเพิ่มเติมว่าเป็นอย่างไร เช่น เล็ก ใหญ่ สั้น ยาว อวบ ผอม อ้วน ขยัน ขี้เกียจ เศร้า มีความสุข ฯลฯ
โดยปกติแล้วในภาษาอังกฤษสามารถแบ่ง adjective ออกเป็น 11 ประเภท ดังนี้ (สามารถคลิกที่หัวข้อ adjective แต่ละประเภท เพื่ออ่านรายละเอียด)
Demonstrative adjective
ใช้เพื่อชี้เฉพาะ เช่น this, that, these, those, such
ตัวอย่างเช่น I used to buy this kind of shirts.
Descriptive adjective
ใช้บอกลักษณะ เช่น good, pretty, happy, sorry, rich
ตัวอย่างเช่น She brushed her long brown hair.
Distributive adjective
ใช้เพื่อแบ่งแยก เช่น each, every, either, neither
ตัวอย่างเช่น Every boy has one or the other pet.
Emphasizing adjective
ใช้เพื่อเน้นความ เช่น own, very
Exclamatory adjective
ใช้เพื่อแสดงการอุทาน มักขึ้นต้นด้วย what
ตัวอย่างเช่น What a beautiful flower is it.
Interrogative adjective
ใช้เพื่อแสดงเป็นคำถาม เช่น what, which, whose
เช่น What movie are you watching.
Numeral adjective
ใช้บอกจำนวน เช่น one, three, first, second, double, triple
เช่น The hand has five fingers.
Possessive adjective
ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ เช่น my, our, your, his, her
เช่น Allan sold his dog.
Proper adjective
ใช้บอกสัญชาติ เช่น my, our, your, his, her
เช่น Thai, English, Japanese
เช่น I am Thai.
Quantitative adjective
ใช้บอกปริมาณ เช่น much, many, some, any, little
เช่น She has a little knowledge.
Relative adjective
ใช้ขยายนามที่ตามหลัง พร้อมทั้งทำหน้าที่เป็นคำสันธานเชื่อมประโยคหลังของตัวเองเข้ากับประโยคข้างหน้า ได้แก่ what, whichever
เช่น Give me what money you have.
ตัวอย่าง Adjective
สัมผัส
flaky, fluffy, bumpy, cuddly, rough, damp, gritty, smooth
เสียง
thundering, raspy, screeching, purring, faint, melodic
รสชาติ
fresh, icy, sticky, spicy, bitter, greasy, tasteless
ขนาด
huge, petite, teeny-tiny, scrawny, massive, gigantic
รูปทรง
deep, flat, curved, round, oval, square, narrow
ปริมาณ
many, empty, abundant, heavy, light, multiple, sparse
เวลา
modern, rapid, quick, early, swift, old-fashion, ancient
สภาวะ
hot, cold, rainy, sunny, stormy, freezing, foggy
สี
white, black, blue, red, reddish, green, greenish
ลักษณะ
smart, shy, beautiful, crazy, rich, clever, concerned
และยังมีวิธีช่วยจำ Adjective โดยการดูจาก Suffix ที่อยู่ท้ายคำเหล่านั้น
มีดังนี้ -ive, -able, -ible, -ent, -less, -ish, -ful, -al, -y, -ous
ตัวอย่าง Adjective ที่ลงท้ายด้วย Suffix ด้านบน
เช่น famous, helpful, foolish, healthy, natural, abusive, homeless, fashionable
ตำแหน่งของ Adjective
1.อยู่หน้าคำนามที่มันไปขยาย เช่น
strong man
strong เป็น adjective ไปขยายคำว่า man ซึ่งเป็นคำนาม เพื่อบอกว่ามีลักษณะอย่างไร
2.อยู่หลังคำนามหรือสรรพนาม (เช่น someone, somebody, something, anyone, anything เป็นต้น) ที่มันไปขยาย เช่น
May has something important to tell you.
important เป็น adjective เมื่อไปขยายคำสรรพนามกลุ่มนี้ต้องวางข้างหลังเสมอ
3. อยู่หลัง Verb to be และ Linking Verb เช่น
I feel cold and achy.
cold and achy เป็น adjective ทั้งคู่ เวลาใช้ต้องวางไว้หลัง Verb to be หรือ Linking Verb
ยังมี adjective บางตัวที่เวลาใช้ต้องคำนึงถึงตำแหน่งด้วย
วางไว้หน้าคำนาม เช่น sick, healthy, elder, eldest, only, frightened, little, lone, living, sleeping, main, mere, former, upper, indoor, inner, outdoor, outer, chief, principal
วางไว้หลัง Verb to be หรือ Linking Verb เช่น ill, well, older, oldest, glad, content, small, pleased, asleep, ashamed, alive, aware, awake, ablaze, afraid, afloat, adrift, ajar
ตัวอย่างเช่น
Jim is a sick man. > Jim looks ill.