“ข้อยกเว้น” สิ่งสำคัญที่ต้องรู้ สำหรับผู้เรียนภาษาอังกฤษ
ข้อยกเว้น สิ่งสำคัญไม้แพ้แกรมม่าร์ สิ่งสำคัญในภาษาอังกฤษอีกอย่างหนึ่งก็คือเรื่องของข้อยกเว้น ในการใช้ภาษาอังกฤษ เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใส่ใจกับข้อยกเว้นต่างๆ ที่นอกเหนือจากกฎไวยากรณ์หรือแกรมม่าร์ เพราะอาจทำให้เราใช้ภาษาอังกฤษผิดพลาดได้ ถ้าหากไม่รู้ข้อยกเว้นในการใช้คำ หรือโครงสร้างประโยคต่างๆ หลายครั้งที่ผู้พูดภาษาอังกฤษหรือผู้ใช้ภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะในการสนทนา […]
ข้อยกเว้น สิ่งสำคัญไม้แพ้แกรมม่าร์
สิ่งสำคัญในภาษาอังกฤษอีกอย่างหนึ่งก็คือเรื่องของข้อยกเว้น ในการใช้ภาษาอังกฤษ เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใส่ใจกับข้อยกเว้นต่างๆ ที่นอกเหนือจากกฎไวยากรณ์หรือแกรมม่าร์ เพราะอาจทำให้เราใช้ภาษาอังกฤษผิดพลาดได้ ถ้าหากไม่รู้ข้อยกเว้นในการใช้คำ หรือโครงสร้างประโยคต่างๆ หลายครั้งที่ผู้พูดภาษาอังกฤษหรือผู้ใช้ภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะในการสนทนา หรือการเขียนก็ตาม มักที่จะชะล่าใจโดยคิดว่าตัวเองนั้นเข้าใจกฎไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเป็นอย่างดีแล้ว โดยลืมคำนึงถึงข้อยกเว้นต่างๆ และไม่ตรวจสอบให้ดีว่าโครงสร้างภาษาอังกฤษที่ใช้นั้น มีข้อยกเว้นอย่างอื่นอีกหรือไม่ ในวันนี้เราจะมายกตัวอย่างความสำคัญของการเรียนรู้ข้อยกเว้นในการใช้ภาษาอังกฤษกันครับ
ตัวอย่างง่ายๆ ที่เราจะขอนำมายกในบทเรียนนี้ ก็คือการใช้คำว่า to ซึ่งแปลว่า ที่จะ หรือเพื่อที่จะ
ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ เช่น
I want to drink some water.
แปลว่า ฉันต้องการดื่มน้ำ
โดยที่ในประโยคนี้ เรามักจะท่องเป็นกฎภาษาอังกฤษตายตัวเลยว่า to ตามด้วยกริยาไม่ผัน คือไม่มีการเติม s หรือ es อย่างเช่น to drink เป็นต้น
สิ่งสำคัญในการใช้ภาษาอังกฤษอีกอย่างหนึ่งคือต้องตรวจสอบให้ดีก่อนว่า สิ่งที่เราได้ทราบมานั้นถูกต้องทั้งหมดแล้วหรือไม่ หรือว่ามีข้อยกเว้นอย่างอื่นอีก ซึ่งการใช้คำว่า to นี้ ไม่จำเป็นที่จะต้องตามด้วยกริยาไม่ผันเสมอไป เรามาลองดูตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษง่ายๆ กันครับ
ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ เช่น
* Looking forward to
– I am looking forward to hearing from you soon.
ถ้าหากแปลตรงๆ ตัว จะแปลว่า ฉันตั้งตาคอยที่จะได้ยินจากคุณ ซึ่งมักจะใช้เขียนลงท้ายจดหมายเพื่อแสดงว่าเรารอคอยการตอบกลับ โดยในที่นี้คำว่า to ต้องตามด้วยคำนาม ดังนั้นกริยา hear จึงต้องทำการเติม ing เพื่อเปลี่ยนจากคํากริยาให้เป็นคํานามหรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า gerund
* Get used to หรือ (be) used to
– He gets used to living alone.
แปลว่า เขาคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตอยู่คนเดียว
– He is used to living alone.
แปลว่า เขาคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตอยู่คนเดียว
ตรงนี้สังเกตดีๆ นะครับ ในโครงสร้างข้างต้นคำว่า be คือกริยา verb to be ซึ่งเมื่อเข้ารูปประโยคแล้ว จำเป็นที่จะต้องผันไปตาม tense ซึ่งในที่นี้ ประธานเป็นบุรุษที่ 3 เอกพจน์ซึ่งก็คือคำว่า he จึงผันคำว่า be เป็นคำว่า is ครับ
ข้อควรระวัง ในกรณีนี้อย่าจำสลับกับคำว่า used to ซึ่งไม่มี linking verb นำหน้า โดยตัวนี้แปลว่า เคย จะตามด้วยกริยาไม่ผัน ตามกฎไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเดิม ตัวอย่างเช่น He used to smoke. แปลว่าเขาเคยสูบบุหรี่ ซึ่งนั่นหมายถึงตอนนี้เขาไม่ได้สูบแล้ว
ตัวอย่างที่ยกมาให้เรียนกันในวันนี้ คงจะพอทำให้นึกภาพออกเลยว่า สิ่งที่สำคัญในภาษาอังกฤษคือกฎไวยากรณ์ แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันนั่นก็คือข้อยกเว้นในการใช้ โดยผู้เรียนสามารถศึกษากฎไวยากรณ์ภาษาอังกฤษต่างๆ รวมถึงข้อยกเว้น และคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่จำเป็นจะต้องรู้ ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นจนถึงระดับสูงได้ที่ >> เรียนภาษาอังกฤษ