สรุป ประโยคคำถามภาษาอังกฤษ Questions
สรุป Questions ประโยคคำถามภาษาอังกฤษ
ประโยคคำถามในภาษาอังกฤษมีอะไรบ้าง
Question คือ ประโยคคำถามในภาษาอังกฤษ เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในการสนทนาในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะสำหรับการเป็นผู้ถาม หรือเป็นผู้ที่ถูกถามก็ตาม เพราะถ้าหากไม่รู้วิธีใช้ประโยคคำถามที่ถูกต้อง อาจทำให้สื่อสารกันไม่เข้าใจได้ รูปแบบของประโยคคำถามแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
1. Direct Question
Direct Question คือ ประโยคคำถามที่ถามตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม ผู้ฟังสามารถรู้ได้ทันทีว่าต้องการจะถามอะไร เช่น What is it? (นี่คืออะไร) เป็นต้น ประโยคคำถามประเภทนี้สามารถแบ่งเป็นประเภทย่อย ๆ ได้อีก 3 ประเภท ดังนี้
1.) Yes-No Question คือ ประโยคคำถามที่ต้องการคำตอบว่า Yes หรือ No (ใช่ หรือ ไม่ใช่) สามารถแบ่งเป็นประเภทย่อย ๆ ได้อีก 3 ประเภท คือ ประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย V. to be, V. to do และคำกริยาช่วยอื่น ๆ
* ประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย V. to be
ใช้เมื่อประโยคบอกเล่ามี V. to be ในประโยค มีวิธีใช้ คือ ให้สลับตำแหน่งประธาน (Subject) กับ V. to be นั้น ๆ และเปลี่ยนคำสรรพนามให้ถูกต้องตามบริบท
* ประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย V. to do
ใช้เมื่อประโยคบอกเล่ามี V. to do ที่ใช้เพื่อเน้นย้ำคำกริยา หรือไม่มีคำกริยาช่วยใด ๆ เลย มีเพียงคำกริยาทั่วไปในประโยคเท่านั้น มีวิธีใช้คือ ให้นำ V. to do มาขึ้นต้นประโยค ตามด้วยประธาน (Subject) และคำกริยาตามลำดับ โดยต้องเปลี่ยนคำสรรพนามให้ถูกต้องตามบริบทด้วย
* ประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วยคำกริยาช่วยอื่น ๆ
ใช้เมื่อประโยคบอกเล่าไม่มี V. to be หรือ V. to do ในประโยค มีเพียงคำกริยาช่วยอื่น ๆ (เช่น can, could, may, might) มีวิธีใช้ คือ ให้สลับตำแหน่งประธาน (Subject) กับคำกริยาช่วยนั้น ๆ และเปลี่ยนคำสรรพนามให้ถูกต้องตามบริบท
2.) Wh-Question คือ ประโยคคำถามที่ต้องการคำตอบว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร จะเป็นการถามที่ต้องการคำตอบละเอียดมากกว่าแบบ Yes-No Question และมี Questions Words อย่างคำว่า who, whom, whose, what, which, where, when, why, how
การใช้ Wh-Question มีวิธีใช้คือ ให้นำ Questions Words ต่าง ๆ มาขึ้นต้นประโยค ตามด้วยคำกริยาช่วย (Aux) และประธาน (Subject) ตามลำดับ โดยต้องเลือกใช้คำให้ถูกต้องตามบริบทและความหายที่ต้องการสื่อ
3.) Question Tag คือ ประโยคคำถามรูปย่อที่ถูกนำมาต่อท้ายประโยคบอกเล่าหรือปฏิเสธ เพื่อเปลี่ยนประโยคนั้นให้เป็นประโยคคำถาม มีความหมายว่า “ใช่ไหม” มักใช้ในภาษาพูด โดยส่วนที่เป็น Question Tag จะต้องมีรูปประโยคที่ตรงกันข้ามกับประโยคด้านหน้าเสมอ เช่น ถ้าประโยคด้านหน้าเป็นประโยคบอกเล่า Question Tag ด้านหลังจะต้องมีรูปปฏิเสธ แต่ถ้าประโยคด้านหน้าเป็นประโยคปฏิเสธ Question Tag ด้านหลังจะต้องมีรูปบอกเล่า มีวิธีใช้ดังนี้
– ถ้าประโยคด้านหน้ามี V. to be หรือคำกริยาช่วย เช่น will, would, shall, should, can, could, may, might ในส่วน Question Tag จะต้องใช้คำกริยาช่วยนั้นเช่นกัน
– ถ้าประโยคด้านหน้ามีแต่คำกริยาหลัก (Main Verb) ไม่มี V. to be หรือคำกริยาช่วย ในส่วน Question Tag จะต้องใช้ V. to do (do / does / did) เข้ามาช่วย
– ถ้าประธานของประโยคด้านหน้า คือ there ในส่วน Question Tag จะต้องใช้ there เช่นกัน
– ถ้าประธานของประโยคด้านหน้า คือ this, that ในส่วน Question Tag จะต้องใช้ it
– ถ้าประธานของประโยคด้านหน้า คือ these, those ในส่วน Question Tag จะต้องใช้ they
– ถ้าประธานของประโยคด้านหน้าลงท้ายด้วย -one หรือ -body เช่น everyone, everybody, someone, somebody, anyone, anybody, no one, nobody ในส่วน Question Tag จะต้องใช้ they
– ถ้าประโยคด้านหน้าเป็นประโยคคำสั่งหรือขอร้อง ในส่วน Question Tag จะต้องใช้ will you
– ถ้าประโยคด้านหน้าเป็นประโยคชักชวนที่ขึ้นต้นด้วย Let’s (ย่อมาจาก Let us) ในส่วน Question Tag จะต้องใช้ shall we
2. Indirect Question
Indirect Question คือ ประโยคคำถามที่ถามแบบอ้อม ๆ มีความสุภาพมากกว่าการถามแบบ Direct Question โดยจะมีวลีต่าง ๆ นำหน้าประโยคคำถามประเภทนี้ ซึ่งมักแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “คุณพอจะทราบไหมว่า … ” หรือ “ฉันสงสัยว่า … ” ฯลฯ วลีที่นำหน้าประโยค Indirect Question ที่พบบ่อยมีดังนี้
Do you know …? คุณพอจะทราบไหมว่า …
I was wondering … ฉันสงสัยว่า …
I wonder if I could … ฉันสงสัยว่าฉันจะสามารถ … ได้ไหม
Could you tell me …? คุณสามารถบอกฉันหน่อยได้ไหมว่า …
I’d like to know … ฉันอยากทราบว่า …
Indirect Question แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ Positive Word Order (มี Questions Words ในประโยค) และ If / whether + Positive Word Order (มีคำกริยาช่วยขึ้นต้นประโยค) ดังนี้
1.) Positive Word Order (มี Questions Words ในประโยค) ผู้ฟังจะตอบอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับ Questions Words ที่เจอในประโยค เช่น ถาม who ตอบคน เป็นต้น
2.) If / whether + Positive Word Order (มีคำกริยาช่วยขึ้นต้นประโยค) คำกริยาช่วยที่ขึ้นต้นประโยค เช่น V. to be และ V. to do โดยที่มี if / whether ซึ่งแปลว่า “ไหม” หรือ “หรือไม่” ในประโยคด้วย