วิธีเปลี่ยน Active Voice เป็น Passive Voice: คู่มือฉบับสมบูรณ์พร้อมตัวอย่าง
การเปลี่ยน Active Voice เป็น Passive Voice
การเปลี่ยน Active Voice เป็น Passive Voice เป็นหนึ่งในหัวข้อที่สำคัญในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความหลากหลายและความชัดเจนในการเขียนหรือพูด วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจว่าการเปลี่ยน Active Voice เป็น Passive Voice มีขั้นตอนอย่างไร พร้อมทั้งประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้ Passive Voice
Active Voice และ Passive Voice คืออะไร?
Active Voice คือรูปประโยคที่ประธานทำกริยา ตัวอย่างเช่น:
- The teacher explains the lesson. (Active)
- ครูอธิบายบทเรียน
ในประโยคนี้ “the teacher” เป็นประธานที่ทำกริยา “explains” ต่อกรรม “the lesson”
Passive Voice คือรูปประโยคที่กรรมกลายเป็นประธานของประโยค โดยกริยาจะถูกแสดงในรูป passive และประธานเดิมจะอยู่ท้ายประโยคพร้อมกับคำว่า “by” หรืออาจถูกละไว้ก็ได้ ตัวอย่างเช่น:
- The lesson is explained by the teacher. (Passive)
- บทเรียนถูกอธิบายโดยครู
ในประโยคนี้ “the lesson” ซึ่งเป็นกรรมในประโยค Active กลายเป็นประธานในประโยค Passive ส่วน “the teacher” เป็นผู้กระทำที่ตามหลัง “by”
ขั้นตอนการเปลี่ยน Active Voice เป็น Passive Voice
การเปลี่ยนประโยคจาก Active Voice เป็น Passive Voice มีขั้นตอนดังนี้:
- ย้ายกรรมในประโยค Active มาเป็นประธานในประโยค Passive
- The teacher explains the lesson. (Active)
- ครูอธิบายบทเรียน
- The lesson is explained by the teacher. (Passive)
- บทเรียนถูกอธิบายโดยครู
- The teacher explains the lesson. (Active)
- เปลี่ยนกริยาของประโยคให้เป็นรูป Passive
- กริยาในรูปปกติจะถูกเปลี่ยนเป็นรูป Past Participle (V3)
- ใช้ Verb to be ที่สอดคล้องกับ tense ของประโยค
- Active: The chef prepares the meal.
- เชฟเตรียมอาหาร
- Passive: The meal is prepared by the chef.
- อาหารถูกเตรียมโดยเชฟ
- ย้ายประธานในประโยค Active มาเป็นผู้กระทำในประโยค Passive
- โดยทั่วไปจะตามหลังคำว่า “by”
- Active: The gardener waters the plants.
- คนสวนรดน้ำต้นไม้
- Passive: The plants are watered by the gardener.
- ต้นไม้ถูกคนสวนรดน้ำ
- เปลี่ยนรูป Verb to be ตาม tense ของประโยค
- Present Simple : is/am/are + V3
- Past Simple : was/were + V3
- Present Continuous : is/am/are being + V3
- Past Continuous : was/were being + V3
- Present Perfect : has/have been + V3
- Past Perfect : had been + V3
ประโยชน์ของการใช้ Passive Voice
- เน้นผลลัพธ์หรือผลกระทบ: Passive Voice ช่วยเน้นผลลัพธ์ของการกระทำมากกว่าผู้กระทำ เช่น:
- Active: The community organizes the event.
- ชุมชนจัดงานอีเวนต์
- Passive: The event is organized by the community.
- งานอีเวนต์ถูกจัดโดยชุมชน
- Active: The community organizes the event.
- สร้างความหลากหลายในการเขียน: การใช้ Passive Voice ทำให้การเขียนมีความหลากหลายและเป็นธรรมชาติมากขึ้น ไม่เน้นแต่ Active Voice ที่อาจทำให้การเขียนดูซ้ำซาก
- ใช้เมื่อผู้กระทำไม่สำคัญหรือไม่รู้จัก: ในบางกรณีเราไม่ต้องการหรือไม่ทราบว่าใครเป็นผู้กระทำ จึงใช้ Passive Voice เช่น:
- The book was left on the table.
- หนังสือถูกทิ้งไว้บนโต๊ะ (ไม่ทราบหรือไม่สำคัญว่าใครทำ)
- The book was left on the table.
ตัวอย่างเพิ่มเติมในการเปลี่ยน Active Voice เป็น Passive Voice
Simple Present Tense
- Active: She washes the car.
- เธอล้างรถ
- Passive: The car is washed by her.
- รถถูกล้างโดยเธอ
Simple Past Tense
- Active: They designed the building.
- พวกเขาออกแบบอาคาร
- Passive: The building was designed by them.
- อาคารถูกออกแบบโดยพวกเขา
Present Continuous Tense
- Active: He is fixing the computer.
- เขากำลังซ่อมคอมพิวเตอร์
- Passive: The computer is being fixed by him.
- คอมพิวเตอร์กำลังถูกซ่อมโดยเขา
Present Perfect Tense
- Active: They have written the report.
- พวกเขาเขียนรายงานเสร็จแล้ว
- Passive: The report has been written by them.
- รายงานถูกเขียนโดยพวกเขา
การเปลี่ยน Active Voice เป็น Passive Voice นอกจากจะช่วยให้ภาษาอังกฤษของคุณดูเป็นธรรมชาติและมีความหลากหลายมากขึ้นแล้ว ยังเป็นทักษะที่สำคัญที่ช่วยให้คุณสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในหลายๆ สถานการณ์
สรุปการเปลี่ยน Active Voice เป็น Passive Voice
การทำความเข้าใจและฝึกฝนการใช้ Active Voice และ Passive Voice จะช่วยพัฒนาทักษะการเขียนและการพูดภาษาอังกฤษของคุณให้ดียิ่งขึ้น อย่าลืมฝึกฝนและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อความชำนาญนะครับ