การทำคำนามที่ลงท้ายด้วย o ให้เป็นพหูพจน์ ต้องเติม s หรือ es
การทำคำนามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย o ทำให้เป็นคำนามพหูพจน์ ได้อย่างไรบ้าง มาดูกัน
คำนามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย o มันจะมีข้อแตกต่างจากอันอื่นนิดนึง ก็คือ คำนามที่ลงท้ายด้วย o มันไม่มีหลักตายตัวว่าจะต้องเติม s หรือว่า es เลยจะต้องอาศัยการใช้บ่อยๆ และจำให้ได้มากกว่าว่าตัวไหนเติม s หรือตัวไหนเติม es นั่นเอง เดี๋ยวเราลองมาดูตัวอย่างกันสักนิดละกัน ดังนี้
1. คำนามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย o แล้วเติม s
memo – memos = บันทึก
kilo – kilos = กิโลกรัม, กิโลเมตร
auto – autos = รถ
piano – pianos = เปียโน
photo – photos = ภาพหรือรูปถ่าย
studio – studios = ห้องทำงาน
zoo – zoos = สวนสัตว์
video – videos = ม้วนวิดีโอ
tattoo – tattoos = รอยสัก, การสัก
pro – pros = ข้อสนับสนุก
kangaroo – kangaroos = จิงโจ้
2. คำนามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย o แล้วเติม es ให้เป็นพหูพจน์
echo – echoes = เสียงสะท้อน
hero – heroes = วีรบุรุษ
veto – vetoes = สิทธิยับยั้ง
potato – potatoes = มันฝรั่ง
tomato – tomatoes = มะเขือเทศ
3. คำนามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย o แล้วเติม s หรือ es ก็ได้
buffalo – buffalos หรือ buffaloes = ควาย
cargo – cargos หรือว่า cargoes = สินค้า
mosquito – mosquitos หรือว่า mosquitoes = ยุง
mango – mangos หรือว่า mangoes = มะม่วง
motto – mottos หรือว่า mottoes = คำขวัญ, คติพจน์
tornado – tornados หรือว่า tornadoes = ทอร์นาโด
volcano – volcanos หรือว่า volcanoes = ภูเขาไฟ
zero – zeros หรือว่า zeroes = เลขศูนย์, ว่างเปล่า