ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ (Grammar) ที่นักเรียนมักสงสัยกันมากอีกเรื่องก็คือเรื่องของ Adverb ว่า Adverb คืออะไร ขยายอะไร มีอะไรบ้าง วางตำแหน่งไหนของประโยคภาษาอังกฤษ บทเรียนนี้อาจารย์ต้นอมรจะสอนภาษาอังกฤษหัวข้อ Adverb ว่า Adverb คืออะไร มีกี่ประเภท และ Adverb ต่างจาก Adjective อย่างไร ต้องวางไว้ตรงไหนในประโยคภาษาอังกฤษ

Adverb คืออะไร

Adverb หรือคำกริยาวิเศษณ์ คือ คำที่ใช้ขยายคำกริยา (Verb) คำคุณศัพท์ (Adjective) หรือคำกริยาวิเศษณ์ (Adverb) ด้วยกันเอง เพื่อให้รายละเอียดที่ชัดเจนและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

Adverb ใช้ยังไง ขยายอะไรได้บ้าง

1. Adverb ใช้ขยาย Verb (คำกริยา)

เพื่อให้รู้ว่าประธานทำกริยานั้นอย่างไร เช่น บอกความถี่บ่อย บอกความเร็ว ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ เช่น

She sings beautifully. (เธอร้องเพลงได้ไพเราะ)
They walked slowly along the path. (พวกเขาเดินช้าๆไปตามเส้นทาง)
He speaks fluently in three languages. (เขาพูดสามภาษาได้อย่างคล่องแคล่ว)

2. Adverb ใช้ขยาย Adjective (คำคุณศัพท์)

ในขณะที่ Adjective ใช้ขยาย Noun (คำนาม)

The extremely tall tower cast a shadow over the city. (หอคอยที่สูงมากทอดเงาปกคลุมเมือง) ในประโยคนี้ คำวิเศษณ์ “extremely” จะขยายคำคุณศัพท์ “tall” เพื่ออธิบายระดับของคำคุณศัพท์ คำคุณศัพท์ “tall” ขยายคำนาม “tower” โดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะเฉพาะของมัน

The very old house stood at the end of the street. (บ้านเก่าแก่หลังหนึ่งตั้งอยู่สุดถนน) ในประโยคนี้ คำวิเศษณ์ “very” จะขยายคำคุณศัพท์ “old” ซึ่งบ่งบอกถึงระดับของคำคุณศัพท์ ในขระที่คำคุณศัพท์ “old” ขยายคำนาม “house” เพื่ออธิบายอายุของมัน

3. Adverbใช้ขยาย Adverb

สามารถใช้ขยาย Adverb หรือคำกริยาวิเศษณ์

She ran extremely quickly to catch the bus. (เธอวิ่งเร็วมากเพื่อขึ้นรถเมล์ให้ทัน) ในประโยคนี้ คำวิเศษณ์ “extremely” จะขยายคำวิเศษณ์ “quickly” ซึ่งระบุระดับของความเร็ว

4. Adverb ใช้ขยายประโยค

Certainly, you can rely on me to complete the project on time. (แน่นอน คุณสามารถไว้วางใจว่าฉันทำงานนี้เสร็จตรงเวลาได้) ในประโยคนี้ คำวิเศษณ์ “certainly” จะขยายประโยคทั้งประโยค โดยเน้นย้ำความมั่นใจของผู้พูดในคำพูดของเขา

Adverb มีอะไรบ้าง

คำกริยาวิเศษณ์ในภาษาอังกฤษ หรือ Adverb แบ่งออกเป็น 5 ประเภทหลัก ๆ คือ

1. Adverb of Manner (คำกริยาวิเศษณ์บอกลักษณะอาการ)
2. Adverb of Place (คำกริยาวิเศษณ์บอกสถานที่)
3. Adverb of Time (คำกริยาวิเศษณ์บอกเวลา)
4. Adverb of Frequency (คำกริยาวิเศษณ์บอกความถี่)
5. Adverb of Degree (คำกริยาวิเศษณ์บอกระดับ)

1. Adverb of Manner

Adverb of Manner คือ คำกริยาวิเศษณ์บอกลักษณะอาการ ใช้เพื่อบอกว่าประธานทำกริยานั้นอย่างไรหรือมีลักษณะอย่างไร มักลงท้ายด้วย -ly เช่น quickly (อย่างรวดเร็ว), happily (อย่างมีความสุข), carefully (อย่างระมัดระวัง), patiently (อย่างอดทน), loudly (อย่างเสียงดัง) เป็นต้น โดยมักจะวางไว้หลังคำกริยาหลัก (Main Verb) เช่น

• He walks slowly. เขาเดินช้าๆ

NOTE !

• Adverb of Manner ส่วนใหญ่เกิดจากการนำ Adjective มาเติม -ly ต่อท้าย เช่น
  • quiet – quietly, slow – slowly, careful – carefully

• ระวัง! คำศัพท์บางคำลงท้ายด้วย -ly แต่เป็น Adjective เช่น
  • friendly, ugly, lovely, costly, elderly

• คำที่ลงท้ายด้วย y ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วค่อยเติม -ly เช่น
  • happy – happily, noisy – noisily, easy – easily

• Adverb บางคำมีรูปเดียวกันกับ Adjective เช่น
  • fast, late, straight, daily, hard (NOTE ! ถ้าเป็นคำว่า “hardly” จะแปลว่า “แทบจะไม่” ซึ่งเป็น Adverb of Frequency)

2. Adverb of Place

Adverb of Place คือ คำกริยาวิเศษณ์บอกสถานที่ใช้เพื่อบอกว่าประธานทำกริยา หรือเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ขึ้นที่ไหน ซึ่งคำกริยาวิเศษณ์ประเภทนี้จะต่างจากคำกริยาวิเศษณ์ประเภทอื่น ๆ ตรงที่ไม่ได้ลงท้ายด้วย -ly เช่น inside (ข้างใน), outside (ข้างนอก), here (ที่นี่), there (ที่นั่น), anywhere (ทุกแห่ง / ไม่ว่าที่ใดก็ตาม) ฯลฯ โดยมักจะวางไว้ท้ายประโยค หลังคำกริยาหลัก (Main Verb) หรือกรรม (Object)

Adverb of Place ที่เจอบ่อย

upstairs (ชั้นบน), downstairs (ชั้นล่าง), somewhere (บางแห่ง), everywhere (ทุกหนแห่ง), nearby (ใกล้ ๆ), away (ห่างออกไป), up (ขึ้น), down (ลง), back (ข้างหลัง), backward (กลับหลัง), overseas (ต่างประเทศ), abroad (ต่างประเทศ) ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

• He will meet me outside. เขาจะมาพบฉันข้างนอก

3. Adverb of Time

Adverb of Time คือ คำกริยาวิเศษณ์บอกเวลา ใช้เพื่อบอกว่าประธานทำกริยาหรือเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ขึ้นเมื่อไหร่ Adverb (คำกริยาวิเศษณ์) ประเภทนี้มีทั้งแบบที่ลงท้ายด้วย -ly และไม่ได้ลงท้ายด้วย -ly เช่น yesterday (เมื่อวาน), tomorrow (พรุ่งนี้), next week (อาทิตย์หน้า), recently (เมื่อเร็ว ๆ นี้), after (หลังจาก) ฯลฯ โดยสามารถวางไว้หน้า กลาง หรือท้ายประโยค และหน้าหรือหลัง Main Verb (คำกริยาหลัก) ก็ได้

Adverb of Time ที่เจอบ่อย

ago (ที่ผ่านมา), already (แล้ว), before (ก่อนหน้านี้), yet (ยัง), now (ตอนนี้), then (หลังจากนั้น), later (ทีหลัง), soon (ในไม่ช้า), lately (เมื่อไม่นานมานี้), in the future (ในอนาคต), at that time (ในตอนนั้น), in the past (ในอดีต) ตัวอย่างประโยค

• He will arrive tomorrow.

4. Adverb of Frequency

Adverb of Frequency คือ คำกริยาวิเศษณ์บอกความถี่ ใช้เพื่อบอกความถี่ของการกระทำ ว่าทำกริยานั้นบ่อยแค่ไหน เช่น always (เป็นประจำ / สม่ำเสมอ), usually (โดยปกติ), often (บ่อยครั้ง), sometimes (บางครั้ง), occasionally (บางครั้ง), seldom (แทบจะไม่), barely (แทบจะไม่), hardly (แทบจะไม่), scarcely (แทบจะไม่), rarely (แทบจะไม่), never (ไม่เคย) ฯลฯ โดยมักจะวางไว้หลัง Helping Verb (คำกริยาช่วย) และก่อน Main Verb (คำกริยาหลัก) ตัวอย่างประโยคที่มี Adverb of Frequency

• He often goes for a run in the morning.

5. Adverb of Degree

Adverb of Degree คือ คำกริยาวิเศษณ์บอกระดับ ใช้เพื่อบอกระดับ ปริมาณ หรือความหนักแน่นของการกระทำต่าง ๆ ว่ามาก น้อย หรืออยู่ในระดับไหน เช่น nearly (เกือบจะ), quite (ค่อนข้าง), just (เพิ่งจะ) very (มาก), greatly (อย่างมาก) ฯลฯ โดยมักวาง Adverb of Degree ไว้ระหว่าง Helping Verb (คำกริยาช่วย) กับ Main Verb (คำกริยาหลัก) หรือวางระหว่าง Main Verb (คำกริยาหลัก) กับ Adjective (คำคุณศัพท์)

Adverb of Degree ที่เจอบ่อย

slightly (เพียงน้อยนิด), quite (ค่อนข้าง), rather (ค่อนข้าง), moderately (ปานกลาง), fairly (ปานกลาง), very (อย่างมาก), so (อย่างมาก), extremely (อย่างสุดขีด), absolutely (โดยสิ้นเชิง), completely (โดยหมดสิ้น) ตัวอย่างเช่น

• He is very happy today.

Adverb ประเภทอื่น ๆ

การแบ่งประเภทของ Adverb ในแต่ละทฤษฎีจะมีการแบ่งประเภท Adverb ไม่เท่ากัน ซึ่งประเภทของ Adverb ที่ควรรู้จักก็จะมี 5 ประเภทตามที่กล่าวไปข้างต้น แต่อาจเห็นไวยากรณ์ภาษาอังกฤษบางแห่งพูดถึงประเภทของ Adverb อื่น ๆ เช่น

6. Adverb of Duration (กริยาวิเศษณ์บอกระยะเวลา)

Adverb of Duration คือ คำกริยาวิเศษณ์บอกระยะเวลา เป็นคำวิเศษณ์ประเภทหนึ่งที่ระบุระยะเวลาในระหว่างที่เกิดการกระทำ คำวิเศษณ์เหล่านี้ให้ข้อมูลว่าการกระทำนั้นเกิดขึ้นนานเท่าใดหรือบ่อยแค่ไหน คำวิเศษณ์แสดงระยะเวลาสามารถใช้เพื่อตอบคำถามเช่น “นานแค่ไหน?” หรือ “บ่อยแค่ไหน?” ตัวอย่างเช่น

She has been studying English for five years. (เธอเรียนภาษาอังกฤษมาห้าปีแล้ว) “for five years” เป็นการชี้ให้เห็นระยะเวลาที่เธอเรียนภาษาอังกฤษ

7. Adverb of Affirmation (กริยาวิเศษณ์บอกการรับ)

คำวิเศษณ์เหล่านี้ยืนยันหรือยืนยันความจริงของข้อความ ใช้เพื่อยืนยันหรือสนับสนุนบางสิ่งที่กำลังถูกพูด เช่นคำว่า certainly, indeed, surely, absolutely, definitely, undoubtedly, positively, naturally, undoubtedly, certainly, absolutely, truly, unquestionably ตัวอย่างประโยค

He definitely saw her at the party. (เขาเห็นหล่อนในงานปาร์ตี้แน่นอน)

8. Adverb of Negation (กริยาวิเศษณ์บอกการปฏิเสธ)

คำวิเศษณ์เหล่านี้ปฏิเสธความจริงของข้อความ ใช้เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยหรือปฏิเสธสิ่งที่กำลังพูดอยู่ เช่นคำว่า no, not, never, nowhere, neither, nor, scarcely, hardly, barely, seldom, rarely ตัวอย่างประโยค

She never attends those meetings. (เธอไม่เคยเข้าร่วมการประชุมเหล่านั้นเลย)

9. Conjunctive Adverb (กริยาวิเศษณ์เชื่อมประโยค)

Conjunctive Adverb คือคำวิเศษณ์ประเภทหนึ่งที่เชื่อมโยงประโยคหรือ independent clauses สองประโยคเข้าด้วยกันเพื่อระบุความสัมพันธ์ระหว่างกัน Conjunctive Adverb ใช้เพื่อแสดงความสัมพันธ์ของเวลา เหตุและผล ความแตกต่าง การเปรียบเทียบ หรือลำดับระหว่างสองแนวคิด เช่นคำว่า however (อย่างไรก็ตาม), therefore (ดังนั้น), moreover (อย่างไรก็ตาม), consequently (ดังนั้น), nonetheless (อย่างไรก็ตาม), furthermore (อีกทั้ง), meanwhile (ในระหว่างนั้น), nevertheless (อย่างไรก็ตาม), accordingly (ตามนั้น), thus (ดังนั้น), similarly (เช่นเดียวกัน), instead (แทน), otherwise (มิฉะนั้น), likewise (เช่นเดียวกัน) ตัวอย่างประโยค

He missed the bus; consequently, he arrived late for work. (เขาพลาดรถเมล์ ด้วยเหตุนี้เขาจึงมาทำงานสาย)

คำศัพท์ที่มีรูป Adjective และ Adverb เหมือนกัน

ตัวอย่างเช่น close (ใกล้), deep (ลึก), early (ก่อน), enough (เพียงพอ), far (ไกล), fast (เร็ว), hard (หนัก), high (สูง), just (เพิ่ง), late (สาย), little (น้อย), long (ยาว), loud (ดัง), low (ต่ำ), more (มากกว่า), much (มาก), near (ใกล้), quick (เร็ว), short (สั้น), slow (ช้า), straight (ตรง), tight (แน่น), well (ดี), wide (กว้าง), wrong (ผิด)